วันศุกร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2552

งานภาษาอังกฤษ

Two monksTwo monks on a pilgrimage came to the ford of a river. there they saw a girl dressed in all her finery, obviously not knowing what to do since the river was high and she did not want to spoil her clothes. Without more ado, one of the monks took her on his back, carried her across and put her down on dry ground on t he other sid e th en the monks continued on their way. But the other monk after an hour started complaining “Surely it is not right to touch a women, it is against the command to have close contact with woman. How could you go against the rules of monks?” The monk who had carried the girl walked Along silently, but finally he remarked, I set her down by the river an hour ago, why are you still carrying her.?

วันศุกร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2552

ทำไมต้องมียางลบบนหัวดินสอ ?




บางครั้งเราก็มองข้ามสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ไปเพียงเพราะใช้เวลาสั้นๆ ในการตัดสินสิ่งนั้นว่า " ไร้สาระ"


หลายวันก่อน เพื่อนคนหนึ่งถามฉันว่า "ทำไมต้องมียางลบอยู่บนหัวดินสอ ? "


ฉันไม่ได้สนใจและใส่ใจกับคำถามนั้นสักเท่าไหร่เพียงแค่รู้สึกว่าเป็นคำถามที่ไม่มีสาระอะไรเสียเลยแต่ก็อดไม่ได้ที่จะตอบเล่นๆ ไปว่า "ก็คงมีเพื่อความสะดวกมั้งหรือไม่ก็ช่วยให้คนขี้ลืมที่ชอบวางยางลบไม่เป็นที่เป็นทางได้มียางลบใช้มั้ง"


เพื่อนของฉันก็อมยิ้ม ก่อนที่จะตอบผม สั้นๆ ว่า "ไม่ใช่"


"อ้าว. . .งั้นเพราะอะไรล่ะ" ฉันอดที่จะถามไม่ได้


" คนเราสามารถทำผิดกันได้ "


". . . . . . . . . . . . . . . . . . " ฉันนิ่งไปครู่หนึ่งหลังจากที่ได้ยินคำตอบและปล่อยให้เจ้าของคำถามเดินจากไปโดยที่ไม่ได้อธิบายอะไรมากไปกว่าคำตอบสั้นๆ ของเขาเท่านั้น


คำถามของเพื่อนที่ฉันเคยมองว่ามันไร้สาระกลับทำให้ผม ได้เก็บมาคิดแทบทุกขณะที่สมองว่าง


เย็นวันนั้น ฉันจึงหยิบโทรศัพท์เขียนข้อความส่งถึงเพื่อนๆ ด้วยประโยคที่ซ้ำกัน. . .


" ทำไมต้องมียางลบอยู่บนหัวดินสอ..........................


เพราะคนเรามีสิทธิ์ทำผิดกันได้.......


แต่จงจำไว้ว่า. . .เราไม่ควรใช้ยางลบให้หมดก่อนดินสอเพราะนั่นอาจหมายความว่า เรากำลังทำผิดซ้ำๆ จนความผิดนั้นอาจสายเกินแก้"ฉันเองยังไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งที่คิดต่อจากเพื่อนนั้นมันจะถูกต้องหรือไม่และเพื่อนๆ ที่ได้รับข้อความจากผมจะเข้าใจในสิ่งที่ฉันต้องการจะบอกหรือเปล่าจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ. . .นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการมากสักเท่าไหร่แต่สิ่งที่ฉันอยากได้รับ คือ เพื่อนของฉันจะคิดต่อจากความคิดของฉันอย่างไรและลึกๆ ฉันก็แค่หวังว่า เพื่อนของฉันคงจะกล้าเผชิญหน้ากับความผิดพลาดและไม่ประมาทในการใช้ชีวิตและยอมรับการกระทำของตัวเอง. . .เพียงแค่นั้น ฉันก็หมดห่วงและเพื่อน ๆ ที่ได้อ่านแล้วคิดอย่างไรกันบ้างค่ะ ว่า “ ทำไมต้องมียางลบอยู่บนหัวดินสอ ”








ข้อคิดจากถัง 2 ใบ


ชายจีนคนหนึ่งแบกถังน้ำสองใบไว้บนบ่าเพื่อไปตักน้ำที่ริมลำธารถังน้ำใบหนึ่งมีรอยแตก ในขณะที่อีกใบหนึ่งไร้รอยตำหนิและสามารถบรรจุน้ำกลับมาได้เต็มถัง...แต่ด้วยระยะทางอันยาวไกลจากลำธารกลับสู่บ้าน....จึงทำให้น้ำที่อยู่ในถังใบที่มีรอยแตกเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียวเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ดำเนินมาเป็นเวลา 2 ปีเต็มที่คนตักน้ำสามารถตักน้ำกลับมาบ้านได้หนึ่งถังครึ่ง....ซึ่งแน่นอนว่าถังน้ำใบที่ไม่มีตำหนิจะรู้สึกภาคภูมิใจในผลงานเป็นอย่างยิ่ง ...ขณะเดียวกันถังน้ำที่มีรอยแตกก็รู้สึก อับอายต่อความบกพร่องของตัวเองมันรู้สึกโศกเศร้ากับการที่มันสามารถทำหน้าที่ได้เพียงครึ่งเดียวของจุดประสงค์ ที่มันถูกสร้างขึ้นมาหลังจากเวลา 2 ปี… ที่ถังน้ำที่มีรอยแตกมองว่าเป็นความล้มเหลวอันขมขื่นวันหนึ่งที่ข้างลำธาร มันได้พูดกับคนตักน้ำว่า 'ข้ารู้สึกอับอายตัวเองเป็นเพราะรอยแตกที่ด้านข้างของตัวข้าที่ทำให้น้ำที่อยู่ข้างในไหลออกมาตลอดเส้นทาง ที่กลับไปยังบ้านของท่าน'คนตักน้ำตอบว่า 'เจ้าเคยสังเกตหรือไม่ว่ามีดอกไม้เบ่งบานอยู่ตลอดเส้นทางในด้านของเจ้า...แต่กลับไม่มีดอกไม้อยู่เลยในอีกด้านหนึ่งเพราะข้ารู้ว่าเจ้ามีรอยแตกอยู่....ข้าจึงได้หว่านเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ลงข้างทางเดินด้านของเจ้าและทุกวันที่เราเดินกลับ...เจ้าก็เป็นผู้รดน้ำให้กับเล็ดพันธุ์เหล่านั้นเป็นเวลา 2 ปี ที่ข้าสามารถที่จะเก็บดอกไม้สวย ๆ เหล่านั้นกลับมาแต่งโต๊ะกินข้าวถ้าหากปราศจากเจ้าที่เป็นเจ้าแบบนี้แล้ว..เราก็คงไม่อาจได้รับความสวยงามแบบนี้ได้

คนเราแต่ละคนย่อมมีข้อบกพร่องที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง...แต่รอยตำหนิและข้อบกพร่องที่เราแต่ละคนมีนั้นอาจช่วยทำให้การอยู่ร่วมกันของเราน่าสนใจ และกลายเป็นบำเหน็จรางวัลของชีวิตได้....สิ่งที่ต้องทำก็เพียงแค่ยอมรับคนแต่ละคนในแบบที่เขาเป็น..และมองหาสิ่งที่ดีที่สุดในตัวของพวกเขาเหล่านั้นเท่านั้นเอง