วันจันทร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

เมื่อคุณต้องเจอกับปัญหา...

เรื่องแรก
อเมริกาส่งนักบินไปในอวกาศเจอปัญหาปากกาเขียนไม่ออก
นักวิทยาศาสตร์ระดมปัญญาเพื่อประดิษฐ์ปากกา
ที่สามารถเขียนในภาวะไร้แรงโน้มถ่วงได้
ต้องทุ่มเงินหลายร้อยล้านเหรียญและใช้เวลาไปหลายปี
ในที่สุดได้ปากกาที่สามารถเขียนได้ทุกพื้นผิว
แม้ใต้น้ำก้อเขียนได้
ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวง
แต่นักบินอวกาศรัสเซีย ประสบปัญหาเดียวกัน
ใช้ดินสอเขียนแทนปากกา
*******************************
เรื่องที่สอง
โรงงานผลิตสบู่ในญี่ปุ่นประสบปัญหา
เมื่อส่งสินค้าไปแล้วลูกค้าบ่นเรื่องบางกล่องไม่มีสบู่ เป็นกล่องเปล่าๆ
ทางโรงงานติดตั้งเครื่อง X-Ray เพื่อตรวจสอบ
ใช้เงินลงทุนไปหลายล้านเยน กล่องไหนไม่มีสบู่ก้อตรวจจับได้
ทำให้สามารถส่งสบู่ที่ไม่มีกล่องเปล่าอีก
แต่โรงงานเล็กๆ อีกโรงประสบปัญหาเดียวกัน
ช่างคุมงานใช้พัดลมตัวใหญ่ๆ เป่าลมบนสายพาน
กล่องเปล่าก็ปลิวออกไป
******************************
คนเราเวลาประสบปัญหา ส่วนมากมักคิดแต่จะแก้ปัญหา
ทุ่มกำลังสติปัญญาและทุ่มเทเวลาเพื่อแก้ปัญหานั้น
ถ้าคุณเปลี่ยนเป็นมองที่ทางออก
ปัญหาและอุปสรรคทั้งหลายดูจะกลายเป็นเรื่องจ้อยไปเลย
******************************
เมื่อคุณเจอปัญหา ลองเปลี่ยนวิธีคิด
แล้วคุณจะประหลาดใจ
****************************
*
*

รักจากหัวใจ กับ รักจากสมอง


ถ้าใครตอบคำถามได้ว่า รักคนคนหนึ่งเพราะอะไร นั่นเป็นรักจากสมอง สมองมักมีเหตุผลมีคำตอบ ในการที่ต้องรัก และอาจไม่ใช่รักแท้ เพราะรักแท้ เป็นรักที่ไม่มีคำตอบ
รักจากความรู้สึก รักเพราะรู้สึกรัก สังเกตง่าย ถ้ารักจากสมอง ชีวิตรักเหมือนอยู่ในโลกความจริง มักไม่อ่อนหวาน ทำอะไรก็มีแผนการ มีเหตุผล มีคำอธิบายร้อยแปด ต่างจากรักที่มาจากความรู้สึก ชีวิตเหมือนอยู่ในความฝัน อ่อนหวาน อบอุ่น ใช้หัวใจในการตัดสิน กลายเป็นคนไม่มีสมอง...
ถ้าใครบอกว่ารักคุณเพราะอะไร พึงจำไว้ว่ารักแท้จะไม่มีเหตุผล จะไม่มีคำว่าอะไร มาทำให้รัก เพราะถ้าบอกว่ารัก เพราะคุณสวย เมื่อความสวยหมด อาจเลิกรักได้ หรือถ้ารักเพราะคุณเป็นคนดี วันหนึ่งก็อ้างได้ว่า ตอนนั้นเห็นคุณเป็นคนดีได้อย่างไร... หรือถ้ารักเพราะคุณเป็นคุณ ก็คงเบื่อที่จะหาคำอื่นมาพูด คำนี้ใช้ง่ายที่สุด...
**จงฟังคนที่บอกว่า รักคุณ และไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรัก นั่นเเสดงว่าใช้หัวใจรัก ไม่ว่าวันข้างหน้า คุณจะเป็นอย่างไร หัวใจก็จะยังไม่มีเหตุผลในการรักอยู่ดี
จะเลือกคนที่ใช้หัวใจรัก หรือคนที่ใช้สมองรัก...ขึ้นอยู่กับคุณ

วันศุกร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2552

งานภาษาอังกฤษ

Two monksTwo monks on a pilgrimage came to the ford of a river. there they saw a girl dressed in all her finery, obviously not knowing what to do since the river was high and she did not want to spoil her clothes. Without more ado, one of the monks took her on his back, carried her across and put her down on dry ground on t he other sid e th en the monks continued on their way. But the other monk after an hour started complaining “Surely it is not right to touch a women, it is against the command to have close contact with woman. How could you go against the rules of monks?” The monk who had carried the girl walked Along silently, but finally he remarked, I set her down by the river an hour ago, why are you still carrying her.?

วันศุกร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2552

ทำไมต้องมียางลบบนหัวดินสอ ?




บางครั้งเราก็มองข้ามสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ไปเพียงเพราะใช้เวลาสั้นๆ ในการตัดสินสิ่งนั้นว่า " ไร้สาระ"


หลายวันก่อน เพื่อนคนหนึ่งถามฉันว่า "ทำไมต้องมียางลบอยู่บนหัวดินสอ ? "


ฉันไม่ได้สนใจและใส่ใจกับคำถามนั้นสักเท่าไหร่เพียงแค่รู้สึกว่าเป็นคำถามที่ไม่มีสาระอะไรเสียเลยแต่ก็อดไม่ได้ที่จะตอบเล่นๆ ไปว่า "ก็คงมีเพื่อความสะดวกมั้งหรือไม่ก็ช่วยให้คนขี้ลืมที่ชอบวางยางลบไม่เป็นที่เป็นทางได้มียางลบใช้มั้ง"


เพื่อนของฉันก็อมยิ้ม ก่อนที่จะตอบผม สั้นๆ ว่า "ไม่ใช่"


"อ้าว. . .งั้นเพราะอะไรล่ะ" ฉันอดที่จะถามไม่ได้


" คนเราสามารถทำผิดกันได้ "


". . . . . . . . . . . . . . . . . . " ฉันนิ่งไปครู่หนึ่งหลังจากที่ได้ยินคำตอบและปล่อยให้เจ้าของคำถามเดินจากไปโดยที่ไม่ได้อธิบายอะไรมากไปกว่าคำตอบสั้นๆ ของเขาเท่านั้น


คำถามของเพื่อนที่ฉันเคยมองว่ามันไร้สาระกลับทำให้ผม ได้เก็บมาคิดแทบทุกขณะที่สมองว่าง


เย็นวันนั้น ฉันจึงหยิบโทรศัพท์เขียนข้อความส่งถึงเพื่อนๆ ด้วยประโยคที่ซ้ำกัน. . .


" ทำไมต้องมียางลบอยู่บนหัวดินสอ..........................


เพราะคนเรามีสิทธิ์ทำผิดกันได้.......


แต่จงจำไว้ว่า. . .เราไม่ควรใช้ยางลบให้หมดก่อนดินสอเพราะนั่นอาจหมายความว่า เรากำลังทำผิดซ้ำๆ จนความผิดนั้นอาจสายเกินแก้"ฉันเองยังไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งที่คิดต่อจากเพื่อนนั้นมันจะถูกต้องหรือไม่และเพื่อนๆ ที่ได้รับข้อความจากผมจะเข้าใจในสิ่งที่ฉันต้องการจะบอกหรือเปล่าจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ. . .นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการมากสักเท่าไหร่แต่สิ่งที่ฉันอยากได้รับ คือ เพื่อนของฉันจะคิดต่อจากความคิดของฉันอย่างไรและลึกๆ ฉันก็แค่หวังว่า เพื่อนของฉันคงจะกล้าเผชิญหน้ากับความผิดพลาดและไม่ประมาทในการใช้ชีวิตและยอมรับการกระทำของตัวเอง. . .เพียงแค่นั้น ฉันก็หมดห่วงและเพื่อน ๆ ที่ได้อ่านแล้วคิดอย่างไรกันบ้างค่ะ ว่า “ ทำไมต้องมียางลบอยู่บนหัวดินสอ ”








ข้อคิดจากถัง 2 ใบ


ชายจีนคนหนึ่งแบกถังน้ำสองใบไว้บนบ่าเพื่อไปตักน้ำที่ริมลำธารถังน้ำใบหนึ่งมีรอยแตก ในขณะที่อีกใบหนึ่งไร้รอยตำหนิและสามารถบรรจุน้ำกลับมาได้เต็มถัง...แต่ด้วยระยะทางอันยาวไกลจากลำธารกลับสู่บ้าน....จึงทำให้น้ำที่อยู่ในถังใบที่มีรอยแตกเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียวเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ดำเนินมาเป็นเวลา 2 ปีเต็มที่คนตักน้ำสามารถตักน้ำกลับมาบ้านได้หนึ่งถังครึ่ง....ซึ่งแน่นอนว่าถังน้ำใบที่ไม่มีตำหนิจะรู้สึกภาคภูมิใจในผลงานเป็นอย่างยิ่ง ...ขณะเดียวกันถังน้ำที่มีรอยแตกก็รู้สึก อับอายต่อความบกพร่องของตัวเองมันรู้สึกโศกเศร้ากับการที่มันสามารถทำหน้าที่ได้เพียงครึ่งเดียวของจุดประสงค์ ที่มันถูกสร้างขึ้นมาหลังจากเวลา 2 ปี… ที่ถังน้ำที่มีรอยแตกมองว่าเป็นความล้มเหลวอันขมขื่นวันหนึ่งที่ข้างลำธาร มันได้พูดกับคนตักน้ำว่า 'ข้ารู้สึกอับอายตัวเองเป็นเพราะรอยแตกที่ด้านข้างของตัวข้าที่ทำให้น้ำที่อยู่ข้างในไหลออกมาตลอดเส้นทาง ที่กลับไปยังบ้านของท่าน'คนตักน้ำตอบว่า 'เจ้าเคยสังเกตหรือไม่ว่ามีดอกไม้เบ่งบานอยู่ตลอดเส้นทางในด้านของเจ้า...แต่กลับไม่มีดอกไม้อยู่เลยในอีกด้านหนึ่งเพราะข้ารู้ว่าเจ้ามีรอยแตกอยู่....ข้าจึงได้หว่านเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ลงข้างทางเดินด้านของเจ้าและทุกวันที่เราเดินกลับ...เจ้าก็เป็นผู้รดน้ำให้กับเล็ดพันธุ์เหล่านั้นเป็นเวลา 2 ปี ที่ข้าสามารถที่จะเก็บดอกไม้สวย ๆ เหล่านั้นกลับมาแต่งโต๊ะกินข้าวถ้าหากปราศจากเจ้าที่เป็นเจ้าแบบนี้แล้ว..เราก็คงไม่อาจได้รับความสวยงามแบบนี้ได้

คนเราแต่ละคนย่อมมีข้อบกพร่องที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง...แต่รอยตำหนิและข้อบกพร่องที่เราแต่ละคนมีนั้นอาจช่วยทำให้การอยู่ร่วมกันของเราน่าสนใจ และกลายเป็นบำเหน็จรางวัลของชีวิตได้....สิ่งที่ต้องทำก็เพียงแค่ยอมรับคนแต่ละคนในแบบที่เขาเป็น..และมองหาสิ่งที่ดีที่สุดในตัวของพวกเขาเหล่านั้นเท่านั้นเอง




วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2551

การโคลนิ่ง


การโคลน หมายถึงการสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมาใหม่ โดยไม่ได้อาศัยการปฏิสนธิของเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ คือสเปิร์ม กับเซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย คือไข่ ซึ่งเป็นการสืบพันธุ์ตามปกติ แต่ใช้เซลล์ร่างกาย (Somatic cell) ในการสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นมาใหม่

อันที่จริงเทคโนโลยีการโคลน เป็นเทคโนโลยีที่พบเห็นในชีวิตประจำวันอย่างแพร่หลายมาหลายสิบปีมาแล้ว โดยเฉพาะกับพืช เช่น การขยายพันธุ์กล้วยไม้ ซึ่งเป็นการาขยายพันธุ์ที่ประสบผลสำเร็จอย่างสูง การโคลนพืช จะใช้เซลล์อวัยวะ เนื้อเยื่อ หรือแม้แต่โพรโตพลาสต์ของพืช มาเลี้ยงในสารอาหาร และในสภาวะที่เหมาะสม ส่วนต่าง ๆ ของพืชดังกล่าวสามารถจะเจริญเป็นพืชต้นใหม่ ที่มีลักษณะตรงตามพันธุ์เดิมทุกประการ การตัดกิ่ง ใบ ราก ไปปักชำก็ จัดว่าเป็นโคลนในพืชที่เรียกว่า การเลี้ยงเนื้อเยื่อ ก็มีการศึกษาการโคลนในสัตว์บ้างเหมือนกัน เช่น J.B Gurdon จากมหาวิทยาลัยออกฟอร์ด ในประเทศอังกฤษ ได้ทำ
การโคลนกบ ซึ่งนับว่าเป็นการโคลนสัตว์มีกระดูกสันหลังเป็นครั้งแรก J.B Gurdon ได้นำนิวเคลียสของเซลล์ ที่ได้จากลำไส้เล็กของลูกอ๊อดกบ (เป็น Somatic cell) มีโครโมโซม 2 n ไปใส่ในเซลล์ไข่ของกบอีกตัวหนึ่งที่ทำลายนิวเคลียสแล้ว พบว่าไข่กบนี้ สามารถเจริญเติบโตเป็นกบตัวใหม่ ที่มีลักษณะเหมือนกบ ที่เป็นเจ้าของนิวเคลียสที่นำมาใช้
ในกรณี
การโคลนแกะดอลลี ของนายเอียน วิลมุต ใช้เทคโนโลยีวิธีเดียวกันกับการโคลนกบ โดยนำนิวเคลียสของเซลล์เต้านมแกะที่เป็นต้นแบบมาใส่ในไข่ของแกะอีกตัวหนึ่ง แล้วนำเซลล์ไข่ที่ทำการโคลนแล้วไปถ่ายฝากตัวอ่อนในท้องแม่แกะอีกตัวหนึ่ง


การโคลนอีกวิธีหนึ่งเป็นการเลียนแบบการเกิดฝาแฝดแท้ในระยะแรก ๆ ทำการทดลองกับ Sea urchin เมื่อไซโกตของ Sea urchin แบ่งตัวออกเป็น 2 เซลล์ ก็แยกเซลล์ทั้งสองออกจากกัน นำแต่ละเซลล์ไปเพาะเลี้ยงพบว่า เซลล์แต่ละเซลล์ของ Sea urchin สามารถเจริญเป็นเอ็มบริโอและลาวาได้(ดังภาพ)
การโคลน Sea urchin นี้เป็นการโคลนในระดับเอ็มบริโอ ถือว่าเป็นการสร้างสิ่งมีชีวิตที่เป็นแฝดแท้ ในระยะต่อมา มีการทดลองในแกะเช่นกัน โดยจะทำการโคลนเมื่อไซโกตเริ่มแบ่งตัวเแทนเอ็มบริโอในระยะ 8 เซลล์ แล้วจะตัดเอาเซลล์เหล่านั้นออกจากกัน แยกไปฝากในมดลูกแม่แกะตัวอื่น ๆ เมื่อลูกแกะที่ได้จากการโคลนวิธีนี้คลอดออกมา ทุกตัวจะมีลักษณะทางพันธุกรรมเหมือนกัน
การโคลนนี้ถ้าไปใช้กับมนุษย์ มีมนุษย์ลักษณะเหมือนกันทุกประการหลาย ๆ คน จะเกิดอะไรขึ้น



(ที่มา http://blog.eduzones.com/boil/3051)

วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ถ้าคุณอยากมีความสุข...

3 ชม. ให้ ดื่ม กิน อาหารอร่อย
3 วัน ใส่เสื้อตัวใหม่
3 สัปดาห์ ไปเที่ยว ทัศนาจร
3 เดือน มีกิ๊ก
3 ปี มีภรรยา/สามีใหม่
ตลอดชีวิต ปลูกต้นไม้

“เพราะต้นไม้...มีแต่ให้”


เราต้นไม้ให้กิ่งใบ แก่คนเขา
ให้ร่มเงาเยือกเย็น เป็นกุศล
ให้ดอกสวย รวยรื่น ชื่นกมล
ท่านเป็นคน ท่านให้ อะไรเรา

ถ้าคุณอยากมีความสุข...

3 ชม. ให้ ดื่ม กิน อาหารอร่อย
3 วัน ใส่เสื้อตัวใหม่
3 สัปดาห์ ไปเที่ยว ทัศนาจร
3 เดือน มีกิ๊ก
3 ปี มีภรรยา/สามีใหม่
ตลอดชีวิต ปลูกต้นไม้

“เพราะต้นไม้...มีแต่ให้”


เราต้นไม้ให้กิ่งใบ แก่คนเขา
ให้ร่มเงาเยือกเย็น เป็นกุศล
ให้ดอกสวย รวยรื่น ชื่นกมล
ท่านเป็นคน ท่านให้ อะไรเรา





ที่มา : ผู้ว่าฯ สยุมพร ลิ่มไทย